ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้นให้เกิดสงครามการค้าโลกระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่อย่างประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ที่เรียกว่า America First ดังนั้นทางอเมริกาจึงมีนโยบายต่าง ๆ มากมาย อย่างการตั้งกำแพงภาษีที่สูงขึ้นหรือการกีดกันทางการค้าหลาย ๆ อย่างเพื่อเปิดทางให้เหล่านักลงทุนของอเมริกาเท่านั้น ประกอบกับในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็มีไวรัสโคโรน่าที่เป็นเหตุการณ์ใหญ่จนทำให้ภาวะเศรษฐกิจโลกเปรียบเสมือนกับการโดนแช่แข็งและไทยเองก็ได้รับผลกระทบจากสงครามเศรษฐกิจและการระบาดของโรคนี้อีกด้วย ตั้งแต่ภาคการผลิตสินค้าการเกษตรการส่งออกต่อตลอดถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง
จากการวิเคราะห์ของหลายสถาบันทางการเงินประกอบกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยของสำนักงานพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ให้ความเห็นว่าในปี 2563 นี้การส่งออกของไทยจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไทยอีกเป็นจำนวนมาก คาดการณ์ว่า GDP ในปี 2563 นั้นจะอยู่ที่ 2.1 ถึง 3.7 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามหลายคนคงจะรู้สึกได้ว่าสภาพเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันอาจจะไม่เป็นอย่างที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก็ได้ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุจากไวรัสโคโรน่าที่ระบาดประกอบกับสถานการณ์ภัยแล้งที่รุกคืบเข้ามาอย่างหนัก ซึ่งจะส่งผลต่อสินค้าทางการเกษตรของไทยอย่างแน่นอนนอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากความล่าช้าของ พรบ งบประมาณรายจ่ายประจำปีของภาครัฐที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในสภาอีกด้วย