ในปัจจุบันนี้สภาวะเศรษฐกิจโลกค่อนข้างฝืดเคืองประกอบกับในประเทศไทยเองก็มีการบริหารจากทางรัฐบาลที่ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่นักจึงทำให้นักลงทุนจำนวนมากต่างหนีหายและย้ายฐานการผลิตออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม และเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้นทางคณะกรรมการกลุ่มนโยบายทางการเงินของไทยก็มีการจัดประชุมและสั่งให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1.25% เป็น 1% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับดอกเบี้ยที่มีค่าต่ำสุดนับจากวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งที่ผ่านมา
หลายคนคงจะมีข้อสงสัยว่าถ้าลดดอกเบี้ยแล้วจะมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าปัจจุบันเศรษฐกิจของไทยนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแย่มากทำให้ผู้คนไม่ค่อยออกมาจับจ่ายใช้สอย คนที่มีเงินทุนอยู่ก็เก็บไว้ไม่ยอมลงทุนเพราะไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคงในปัจจุบันจงทำให้สภาพคล่องทางการเงินของประเทศไทยเกิดการหยุดชะงักและกลายเป็นเงินฝืด ดังนั้นการปรับลดดอกเบี้ยลงเปรียบเสมือนกับการส่งสัญญาณจากทางธนาคารว่าไม่ควรจะนำเงินที่มีฝากเก็บไว้ในธนาคารควรจะรีบถอนออกไปลงทุนหรือจับจ่ายใช้สอยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั่นเอง
ในบางประเทศนั้นที่มีภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองมาก ๆ ทางรัฐบาลจะมีนโยบายกำหนดดอกเบี้ยให้มีอัตราติดลบได้อีกด้วย เปรียบเสมือนกับถ้าหากใครที่เอาเงินไปฝากธนาคารไว้จะต้องเสียดอกเบี้ยให้ธนาคารเองเพราะทางรัฐบาลต้องการให้นักลงทุนหรือผู้คนถอนเงินออกมาใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจให้มากขึ้น
ข่าวการลดดอกเบี้ยรอบนี้ก็เป็นผลดีกับเราคนที่ยังมีหนี้สิ่งต่าง ๆ ทำให้ยอดชำระต่ำลงตามดอกเบี้ยไปด้วยดังนั้นหากใครที่ยังมีหนี้สินอยู่ก็แนะนำให้รีบชำระให้หมดก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยครั้งถัดไป